หัวใจของการเรียนรู้ที่ไม่เคยเปลี่ยนแปลง
โดย มิสอลิสัน เบดฟอร์ด ครูใหญ่แผนกอนุบาล โรงเรียนนานาชาติบรอมส์โกรฟ ประเทศไทย
13 มิถุนายน 2563
สถานการณ์การระบาดของไวรัสโคโรน่าในประเทศไทยได้คลี่คลายลงเป็นลำดับ แนวโน้มที่โรงเรียนในประเทศไทยจะได้เปิดขึ้นอีกครั้ง เหมือนหลายๆ ประเทศ ไม่ว่าจะเป็น สิงคโปร์ นิวซีแลนด์ ออสเตรเลีย มีความเป็นไปได้ และเช่นที่เราเห็นได้จากการเปิดเรียนอีกครั้งของโรงเรียนทั่วโลก เด็กๆ มีความสุขที่ได้กลับไปโรงเรียน ในขณะนี้ โรงเรียนในประเทศไทยจึงมีการเตรียมความพร้อม เพื่อให้แน่ใจว่าการต้อนรับนักเรียนกลับเข้าสู่รั้วโรงเรียนอีกครั้งจะเป็นไปอย่างปลอดภัย
ที่โรงเรียนนานาชาติบรอมส์โกรฟ เราเชื่อว่า การพาเด็กๆ ผ่านพ้นวิกฤตการระบาดของไวรัสโคโรน่ามีมากกว่าแค่การสวมหน้ากาก การทำความสะอาดโรงเรียน และการเว้นระยะห่างทางสังคม
สิ่งสำคัญที่ครูและผู้ดูแลเด็กของโรงเรียนนานาชาติบรอมส์โกรฟต่างยึดถือและปฏิบัติในสถานการณ์นี้ คือ การดูแลเด็กๆ ทั้งทางด้านสุขภาพกายและใจ โดยมุ่งเน้นการสร้างความเข้าใจของเด็กๆ ในสถานการณ์ของการระบาดของไวรัส และชี้แนะวิธีที่พวกเขาต้องปฏิบัติตนเพื่อให้ปลอดภัยจากการระบาด ในขณะเดียวกัน ก็ไม่ละเลยที่จะดูแลจิตใจเด็กๆ และสร้างบรรยากาศการเรียนรู้ที่ผ่อนคลาย สนุกสนาน และมีส่วนร่วม ซึ่งเป็นหัวใจสำคัญของการเรียนรู้
แผนกอนุบาล โรงเรียนนานาชาติบรอมส์โกรฟ ได้เตรียมการมานานกว่าหนึ่งเดือนเพื่อการเปิดโรงเรียน โดยศึกษางานวิจัยระดับโลกและนำมาเปรียบเทียบกับนโยบายด้านสุขภาพและความปลอดภัยที่ทางโรงเรียนวางแผนไว้ เพื่อให้มั่นใจว่าแผนงานการเปิดโรงเรียนและขั้นตอนการปฏิบัติงานด้านสาธารณสุขที่โรงเรียนจะทำนั้น เป็นไปตามมาตรฐานสูงสุด ถือเป็นความรับผิดชอบของโรงเรียนโดยตรงที่ต้องทำให้สังคมโรงเรียนปลอดภัย เพราะผู้ปกครองได้ให้ความไว้วางใจให้โรงเรียนได้ดูแลลูกๆ ของพวกเขา ทางโรงเรียนได้ประเมินสถานการณ์ของการระบาดภายในประเทศและระดับโลก และค้นคว้าข้อมูลเชิงวิชาการ ข้อเท็จจริงและสถิติทางการแพทย์ การค้นคว้าหาข้อมูลทำให้เราเข้าใจในสถานการณ์การระบาดของไวรัสและสามารถวางแผนมาตรการในเชิงรุกได้ ระเบียบปฏิบัติบางอย่างจะแตกต่างออกไปตามอายุของเด็กๆ เช่น ในเด็กเล็ก พวกเขาจะชอบสำรวจและสัมผัสสิ่งต่างๆ ด้วยเหตุนี้ ในชั้นเด็กเล็ก เราจึงมีการเก็บรายละเอียดการใช้อุปกรณ์ต่างๆภายในและนอกห้องเรียนโดยละเอียด เพื่อให้เราสามารถตรวจสอบและทำความสะอาดของเล่น เครื่องเล่นและสื่อการเรียนการสอนทุกชิ้นได้อย่างมีประสิทธิภาพ
เด็กๆ และผู้ปกครองจะได้พบกับความเปลี่ยนแปลงที่สำคัญหลายๆ อย่างเมื่อเปิดเรียนอีกครั้ง ไม่ว่าจะเป็น เสื่อเช็ดเท้าเพื่อฆ่าเชื้อก่อนเข้าบริเวณโรงเรียน การตรวจวัดอุณหภูมิ เจลล้างมือฆ่าเชื้อ การตรวจสุขภาพและความพร้อมในการกลับมาเข้าเรียนโดยพยาบาลวิชชาชีพเป็นประจำ สติกเกอร์ที่ระบุจุดที่ผู้ปกครองและเด็กสามารถยืนเข้าคิวหรือนั่งเพื่อรักษาระยะห่างทางสังคม ไม่ว่าจะเป็นในชั้นเรียน ในโรงอาหาร และพื้นที่ที่ต้องใช้ร่วมกัน อุปกรณ์การเรียนการสอนทั้งหมดได้ถูกปรับเปลี่ยนและมีการระบุชื่อเพื่อแยกใช้ส่วนบุคคล มีการเพิ่มขั้นตอนและความถี่ในการทำความสะอาดพื้นผิวที่มีการสัมผัสบ่อย การสอนให้เด็กๆ ล้างมือทุกๆ ครึ่งชั่วโมง การล้างของเล่นและเครื่องเล่นอย่างสม่ำเสมอ การปรับตารางเวลาเรียนและเวลาพักโดยสร้างสิ่งแวดล้อมที่เราเรียกว่า “ฟองสบู่ (Bubbles)” เพื่อลดความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นจากการปนเปื้อนหรือสัมผัสในขณะที่เด็กเล่นหรือทำกิจกรรม นโยบายที่ทางโรงเรียนจะอนุญาตให้ผู้ปกครอง 1 ท่านเท่านั้นที่จะสามารถมารับส่งนักเรียนได้ และผู้ปกครองจะต้องยืนรอในจุดที่กำหนดไว้สำหรับการส่งและรับเด็กเท่านั้น จะมีเฉพาะผู้ปกครองของเด็กระดับชั้นเล็กสุด ที่จะสามารถเดินเข้าไปส่งเด็กที่ประตูห้องเรียนได้ มีการกำหนดทางขึ้นและลงบันไดแยกกันเพื่อรักษาระยะห่าง เด็กๆ จะไม่เล่นกับเพื่อนๆ ทุกคน แต่เราจะสอนวิธีอื่นๆ ที่ทำให้พวกเขายังมีปฏิสัมพันธ์กับเพื่อนได้ พวกเขายังสามารถโบกมือและกล่าวคำว่า “สวัสดี” จากระยะไกลได้ เราจำเป็นต้องปิดบ่อทราย บ่อขุด และสระว่ายน้ำ และติดตามคำแนะนำและข้อปฏิบัติต่างๆ เกี่ยวกับการใช้สื่อการเรียนการสอนและอุปกรณ์ที่ช่วยกระตุ้นประสาทสัมผัสอย่างปลอดภัย เรียกได้ว่า ตั้งแต่วินาทีแรกที่เด็กๆ ก้าวเข้ามาสู่รั้วโรงเรียนจนกระทั่งหมดวัน ในทุกๆ กิจกรรม ทุกๆ ช่วงเวลา ทุกๆ มุมการเรียนรู้ ได้ถูกปรับแต่งและจัดสรรเพื่อให้เป็นไปตามมาตรการเฝ้าระวังและก่อให้เกิดความปลอดภัยสูงสุด
คลิกเพื่อชมวิดีโอ Coming Back to School in a Bubble ได้ที่นี่
เราเข้าใจอย่างลึกซึ้งว่า ด้วยมาตรการการป้องกันการระบาดของไวรัสที่เข้มงวด บรรยากาศโรงเรียนที่เด็กๆ คุ้นเคยต้องเปลี่ยนแปลงไป เด็กๆ จะต้องปฏิบัติตามนโยบายการป้องกันการระบาดมากมายในขณะที่อยู่ที่โรงเรียน และเรื่องนี้อาจส่งผลถึงสภาพอารมณ์ของพวกเขาได้ อย่างที่เราทราบกันดีว่า ในช่วงหลายเดือนที่ผ่านมา เด็กๆ ต้องกักตัวอยู่ที่บ้านและเรียนรู้ผ่านระบบออนไลน์ ซึ่งนั่นหมายถึงว่า ในช่วงหลายเดือนที่ผ่านมา เด็กๆ มีปฏิสัมพันธ์หรือกิจกรรมทางสังคมที่ลดลงอีกด้วย ดังนั้น ตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา บุคลากรของโรงเรียนนานาชาติบรอมส์โกรฟทุกตำแหน่งต้องเข้ารับการฝึกอบรมเป็นประจำ เพื่อให้พวกเขามีความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับไวรัสโคโรน่า รู้ถึงอาการบ่งชี้และวิธีป้องกันตนเองและผู้อื่นจาการติดเชื้อ นอกจากนั้นแล้ว พวกเขาต้องเรียนรู้วิธีการสื่อสารข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับไวรัสตัวนี้ไปถึงเด็กๆ ในแบบที่เป็นประโยชน์ สร้างสรรค์ และไม่สร้างความตื่นตระหนกให้กับเด็กๆ เป็นเรื่องยากที่จะอธิบายให้เด็ก โดยเฉพาะอย่างยิ่งเด็กเล็ก เข้าใจถึงข้อจำกัดต่างๆ แต่มันเป็นหน้าที่ของโรงเรียนที่ต้องสื่อสารกับเด็กๆ ด้วยความชัดเจน เป็นมิตร และผ่อนคลาย เพื่อเด็กๆ จะยังรู้สึกว่า โรงเรียนยังคงเป็นสถานที่ที่ปลอดภัย สนุกสนาน และเป็นที่ที่พวกเขาจะได้รับการช่วยเหลือดูแลทุกวัน
การดูแลเรื่องสวัสดิภาพของเด็กๆ เป็นหนึ่งในสิ่งที่โรงเรียนนานาชาติบรอมส์โกรฟทำได้อย่างยอดเยี่ยมและมีความภาคภูมิใจมาโดยตลอด ที่ผ่านมา เด็กนักเรียนของบรอมส์โกรฟไม่เพียงแต่มีสุขภาพกายที่ดีเท่านั้น แต่สภาพจิตใจและการจัดการกับอารมณ์ของพวกเขาเป็นไปในทิศทางที่ดี เมื่อพวกเขามีความสุข ก็จะมีความพร้อมในการเรียนรู้ และเราจะไม่ยอมให้ความตึงเครียดจากสถานการณ์การระบาดของไวรัสในครั้งนี้ ส่งผลกระทบถึงนักเรียนของเรา มีหลากหลายวิธีการสนุกๆ และสร้างสรรค์ที่โรงเรียนได้เตรียมไว้เพื่อช่วยสร้างบรรยากาศให้เด็กๆ ไม่ว่าจะเป็น นิทานสนุกๆ เกี่ยวกับการกลับมาเรียนหนังสือของเด็กๆ ภายใต้ “ฟองสบู่ลูกใหญ่ (Bubbles)” ซึ่งจะทำให้พวกเขาเข้าใจสถานการณ์ว่าทำไมพวกเขาต้องเว้นระยะห่างทางสังคมและสามารถปฏิบัติตามแนวทางการป้องกันการระบาดของไวรัสได้ นอกจากนั้น เรายังได้ออกแบบประกาศนียบัตรเพื่อชมเชยเด็กๆ ถึงความพยายามและความสม่ำเสมอของพวกเขาในการเข้าชั้นเรียนออนไลน์จากที่บ้าน สิ่งนี้จะช่วยสร้างความมั่นใจให้พวกเขาว่า แม้พวกเขาจะต้องกักตัวอยู่ที่บ้านเป็นเวลานาน แต่พวกเขาก็ยังมีความพร้อมในการกลับมาเรียนและพวกเรามีความภาคภูมิใจกับพวกเขามาก นอกจากนั้น ในช่วงที่ผ่านมา ช่องทางการสื่อสารออนไลน์ เช่น เฟซบุ๊ค และการเรียนแบบถ่ายทอดสด เป็นช่องทางที่เราใช้สื่อสารกับเด็กๆ มีการโพสวิดีโอและรูปภาพสนุกๆ เพื่อย้ำเตือนให้พวกเขารู้อยู่เสมอว่า โรงเรียนคือสถานที่ที่ปลอดภัย สนุกสนาน และพวกเรารอคอยการกลับมาของเด็กๆอยู่เสมอ เราจะสอนให้เด็กช่วยเหลือตัวเองได้ รู้จักวิธีการดูแลตนเอง โดยใช้แรงจูงใจในเชิงบวกและการยกย่องชมเชยเพื่อให้มาตรการการรักษาระยะห่างประสบความสำเร็จ
ในช่วงสถานการณ์การระบาดของไวรัส ทางโรงเรียนได้ทำการสื่อสารกับผู้ปกครองเป็นระยะ นอกเหนือไปจากมาตรการการป้องกันการระบาดของไวรัสดังที่ได้กล่าวมา การสื่อสารหรือให้ข้อมูลข่าวสารกับเด็กๆ ด้วยท่าทีที่สงบและชัดเจนเป็นสิ่งที่พึงกระทำ เด็กๆ ฉลาดและพวกเขาสามารถรับรู้ความรู้สึกได้จากสิ่งที่เห็นหรือสิ่งที่พ่อแม่ปฏิบัติ ดังนั้น หากท่านผู้ปกครองรู้สึกผ่อนคลาย สงบ และสื่อสารเพื่อสร้างขวัญกำลังใจให้กับลูกว่า เมื่อพวกเขากลับมาที่โรงเรียนแล้ว พวกเขาจะรู้สึกสนุก และมีความสุขที่ได้พบกับเพื่อนๆ และครูอีกครั้งหนึ่ง นี่จะช่วยให้เด็กมีประสบการณ์ที่ดีในการกลับมาที่โรงเรียน
เราเชื่อว่า หากเด็กๆ ได้รับคำแนะนำในวิธีป้องกันตัวเองที่ถูกต้อง พวกเขาจะปลอดภัยอย่างแน่นอน เราซาบซึ้งที่ผู้ปกครองได้ให้ความไว้วางใจแก่โรงเรียนในการดูแลเด็กๆ ในช่วงสถานการณ์ที่ยากลำบากนี้ และเราจะให้การสนับสนุนและช่วยเหลือทั้งเด็กๆ และผู้ปกครอง เพื่อผ่านพ้นสถานการณ์นี้อย่างปลอดภัยไปด้วยกัน
คลิกเพื่อชมวิดีโอ Dave The Dog is Worried about Coronavirus ได้ที่นี่